เคล็ดลับ วิธีแก้ง่วง นอนน้อย ให้กลับมาสดชื่นพร้อมทำงานต่อ
เคล็ดลับ วิธีแก้ง่วง นอนน้อย ให้กลับมาสดชื่นพร้อมทำงานต่อ
อาการง่วงนอนเกิดจากอะไร
อาการของคนทำงานเมื่อเริ่มง่วงนอน จะมีอาการง่วงซึมหรือหาวนอนอยู่ตลอดเวลา บางคนอาจหาวนอนมากจนทำให้น้ำตาไหล สาเหตุของการง่วงนอนตอนบ่ายหรืออาการง่วงในขณะทำงานเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น
- เกิดจากการนอนดึก หรือนอนน้อยร่างกายของคนเราต้องผักผ่อนอย่างน้อยกว่า 7-9 ชั่วโมงต่อวัน เมื่อนอนน้อยร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ทำให้เกิดอาการง่วง
- เกิดจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม เช่น อากาศที่เย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศในห้องทำงาน บรรยากาศที่เงียบสงบ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการง่วงได้
อาการง่วงที่เกิดจากการทำงานมากเกินไป ทำให้ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนจนเกิดอาการอ่อนเพลียและมีอาการง่วงนอนได้ทุกเวลา
เราสามารถหาวิธีแก้ง่วงง่ายๆได้ดังนี้
- วิธีแก้ง่วงที่ได้ผลดีก็คือการดื่มน้ำหรือดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ เพื่อให้รู้สึกสดชื่น
- การทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว การอมลูกอมหรือทานขนมขบเคี้ยว
- ลดแป้งและของหวาน เนื่องจากเมื่อรับประทานจะทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการง่วงหลังอาหาร
- ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง หรือดื่มน้ำชา กาแฟ ที่มีสารคาเฟอีน
- ดมยาดม ความเย็นจาสมุนไพรจะช่วยให้ตื่นตัวขึ้น
- กำหนดลมหายใจ หายใจเข้าลึกๆให้เต็มปอด และค่อยๆปล่อยอย่างช้า เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้แก่สมอง
- การล้างหน้าด้วยน้ำเย็นหรือใช้ผ้าเย็นๆเช็ดหน้า ทำให้รู้สึกสดชื่นและหายจากอาการง่วงนอน
- ฟังเพลงจังหวะสนุกๆ โดยขยับแขนขาตามจังหวะเพลง เป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัสของเราให้ตื่นตัวแก้อาการง่วงนอนได้ดี
- ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ โดยการลุกเดินพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน หรือแกว่งแขนยืดเส้นยืดสายด้วยท่ากายบริหารแบบง่ายๆ
- ออกไปข้างนอกสักครู่ หากกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง ลองปรับเปลี่ยนบรรยากาศโดยการเดินออกไปสูดอากาศภายนอกสักครู่หนึ่ง
- ลองปรับเปลี่ยนงานที่กำลังทำ หากกำลังทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ให้ปรับเปลี่ยนเป็นการค้นคว้าข้อมูลจากเอกสาร การอ่านรายงานหรืออ่านจากหนังสือแทน
- หลับเลย ถ้าทำทั้ง 11 ข้อแล้วยังไม่หายง่วง แสดงว่าร่างกายไม่ไหวแล้ว หากยังฝืนทำงานต่อ ประสิทธิภาพในการทำงานก็ลดลงและอาจเจ็บไข้ได้ป่วยก็เป็นได้
วิธีแก้อาการง่วงนอนทำได้พร้อมกันหลายวิธีเลือกวิธีอื่นที่เหมาะกับตนเองแล้วลองนำไปใช้กันได้เลย
ขอขอบคุณที่มาความรู้จาก : https://www.klangpanya.com